ประวัติบ้านป่าชาด
ประวัติบ้านป่าชาด
ภาพถ่าย*ทางเข้าหมู่บ้านป่าชาด ทิศตะวันออกวัด ถ่ายเมื่อ พ.ศ. ๒๕๔๑

**บ้านป่าชาด...-ตั้งอยู่ใจกลางของตำบลแดงใหญ่ ในปัจจุบัน ทางทิศตะวันออกติดกับหมู่บ้านหนองหลุบ  ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือติดกับบ้านโนนสวรรค์  ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือติดกับหมู่บ้านหนองกอย  ทางทิศตะวันตกติดกับหมู่บ้านแดงใหญ่...คนในสมัยก่อนมีความเชื่อเรื่องภูต ผี ปีศาจ  ถึงแม้กระทั่งในปัจจุบันก็ยังมีอยู่ในบางท้องถิ่นที่ห่างไกลจากตัวเมือง  ..บ้านดอนส้มกบ..  ซึ่งตั้งอยู่สถานที่แห่งหนึ่งซึ่งล้อมรอบด้วยป่าไม้นานาชนิด เป็นป่าดงดิบมีต้นไม้ใหญ่อีกด้านหนึ่งเป็นทุ่งโล่งมีผู้คนอาศัยอยู่ประมาณ ๑๑๐ หลังคาเรือน  ครั้นต่อมาเกิดอาเพศฝนฟ้าไม่ตกต้องตามฤดูกาล  เกิดความอดอยากหมากแพงน้ำแห้งขอดคลอง  วัว  ควาย  หมู  เห็ด  เป็ด  ไก่  ต่างล้มตายลง  โดยไม่มีทางแก้ไข  ผู้คนก็ล้มหายตายลงไปเรื่อย ๆ  บรรพบุรุษผู้เป็นหัวหน้าครอบครัวต่างก็คิดแยกย้ายหาที่อยู่อาศัยแห่งใหม่  มีครอบครัวหนึ่งได้ย้ายกระต๊อบมาตั้งอยู่ปลายนา  อันเป็นที่ดอนมีป่าไม้ชาด ไม้สะแบงเป็นส่วนใหญ่  และได้มาทำมาหากินที่ทุ่งนานั้น  ...และในเวลาต่อมาก็มีคนย้ายเข้ามาอาศัยอีก  เพราะใกล้ที่ทำมาหากิน จนเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ขึ้นมา  ซึ่งชนเหล่านั้นต่างก็มาจากบ้านแดงใหญ่บ้าง  มาจากบ้านหนองหลุบบ้าง บ้างก็มาจากบ้านโนนสวรรค์  บ้างก็มาจากบ้านหนองกอย  เมื่อหมู่บ้านได้ขยายใหญ่พอประมาณ  ท่านเหล่านั้นก็มาครุ่นคิดชื่อหมู่บ้านขึ้นมา  โดยยึดถือเอาธรรมชาติ  จึงได้ตั้งชื่อบ้านว่า..บ้านป่าชาด..  ..หากเราจะย้อนมองกลับไปดู บ้านดอนส้มกบ ซึ่งปัจจุบันเป็นบ้านร้างไปแล้วเหลือไว้แต่ความทรงจำ  และต้นไม้ มีต้นจำปา  ต้นกล้วย  ต้นขนุน  ต้นมะพร้าว ต้นหมากและมีหลักรั้วบ้านเป็นเขตอยู่ (ปัจจุบัน มีคนไปจับจองทำนา ทำสวน กันหมดแล้ว...
**ความเป็นอยู่....ประชากรในหมู่บ้านป่าชาดมีอาชีพทำนา  ทำไร่  ซึ่งก็อาศัยธรรมชาติปีไหนฟ้าฝนดีตกถูกต้องตามฤดูกาล  ชาวประชาก็ยิ้มแย้มแจ่มใส ข้าวปลาอาหารไม่ฝืดเคือง  แต่ถ้าปีไหนฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล  ความเป็นอยู่ก็รู้สึกฝืดเคือง  แต่ถึงกระนั้นก็ดีทุกคนก็ต่างทำมาค้าขาย  และพอใจในความเป็นอยู่ของตน  ช่วยเหลือจุนเจือเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กันและกัน...
**ลักษณะทางภูมิศาสตร์....หมู่บ้านป่าชาดเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นธรณีอันเป็นดินเหนียวปนทราย  ถึงหน้านา  แม้ฝนจะตกมากก็ท่วมบ้างเป็นบางปี  แต่ก็ไม่นานเพราะดินเก็บน้ำไว้ไม่ดีเป็นดินปนทราย เมื่อน้ำหลากมาก็ไหลไปสู่ลำห้วย  ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของหมู่บ้าน  เมื่อเสร็จจากหน้านา  ชาวประชาต่างก็พากันทำไร่  โดยส่วนใหญ่แล้วดินเหมาะแก่การปลูกอ้อย ปลูกมันสำปะหลังและปลูกปอ  ก็อาศัยน้ำตามบ่อตามท้องนาของตนเอง  ส่วนน้ำใต้พื้นดิน (น้ำบาดาล)  มีการขุดเจาะแต่ก็ไร้ผล  เพราะเป็นน้ำที่เค็มมากจนไม่สามารถที่จะนำมาใช้สอยได้  เพาะปลูกพืชอะไรก็ตายหมด....
**ด้านการศึกษา....นายจันทเนตร  สรรสมบัติ  พร้อมลูกเมีย  เป็นผู้มาก่อสร้างบ้านขึ้น  จนมีผู้คนมาอาศัยจำนวนมากเป็นหมู่บ้านเลก ๆ  ตามลำดับ  จึงได้เกณฑ์เด็กไปเรียนหนังสือ  ก่อนนั้นให้ไปเข้าเรียนที่โรงเรียนบ้านแดงใหญ่  แต่ด้วยความทุกข์ยป  ครั้นต่อมาากลำบากในการไป-กลับ  ต้องเดินข้ามทุ่งนาข้ามห้วยถึงหน้าฝนยิ่งเป็นการลำบาก  (สมัยก่อนอาศัยเรียนอยู่กับวัด) ครั้นต่อมาบ้านหนองหลุบก็เปิดโรงเรียนขึ้น  จึงได้โอนจากบ้านแดงใหญ่มาเข้าร่วมกับบ้านหนองหลุบ  ด้วยเหตุผลระยะทางใกล้กว่า  มีเส้นทางสะดวกในการไป-กลับ   ต่อมาในปี พ.ศ.๒๔๙๑  พ่อปัจฉิม-พ่อแฉ่ม   ศรีจารย์  ได้บริจาคที่ดินสร้างโรงเรียน  เมื่อสร้างเสร็จจึงได้ย้ายแยกออกจากโรงเรียนบ้านหนองหลุบ  มาเข้าเรียนที่บ้านของตนเอง  ซึ่งตอนนั้นก็เปิดได้ถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔  ได้ตั้งชื่อโรงเรียนขึ้นตามชื่อของหมู่บ้านเพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่า.."โรงเรียนบ้านป่าชาด คุรุประชาบำรุง"...
**...จากหมู่บ้านเล็ก ๆ กลางปลายหัวนา  จนบัดนี้ได้เติบโตขยายใหญ่ขึ้นประชากรต่างก็อยู่เย็นเป็นสุข  การคมนาคมก็สะดวก  การทำนา  ทำไร่  การค้าขายก็ไม่ฝืดเคือง  น้ำไหล  ไฟสว่าง  ทางดี  เหล่าพี่น้องมีความสมัครสมานสามัคคีพร้อมเพรียงกัน  ด้วยความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี่  ทั้งทางด้านการศึกษาของลูกหลาน  และมีหลายคนที่จบการศึกษาสูง ๆ เป็นข้าราชการก็มากมี  ทำให้คนทั้งหลายในสังคมอันกว้างไกลได้รู้จักบ้านป่าชาดมากขึ้น
**...จากอดีตสู่ปัจจุบัน บ้านป่าชาดได้รับการพัฒนามาเรื่อย ๆ ทั้งด้านความเป็นอยู่ ด้านการสวัดิภาพ ด้านการสาธรณูปโภค ด้านการปกครอง ด้านการศาสนาทุกคนต่างตระหนักดีในเรื่องเหล่านี้  จนบัดนี้บ้านป่าชาดกลายเป็น ๑ ในตำบลแดงใหญ่  ...แต่ถึงกระนั้นก็ดี ท่านอย่าพึงนิ่งนอนใจ  โลกยังต้องเจริญขึ้นอีกมาก  ความเป็นอยู่ของเราอย่าได้หยุดอยู่ไว้แต่เพียงเท่านี้  ลูกหลานทั้งหลายท่านจงอย่าลืมไปว่ากว่าบรรพบุรุษของเรา  จะก่อร่างสร้างขึ้นมาได้ถึงขนาดนี้  ท่านต้องเสียหยาดเหงื่อแรงกายไปมากเท่าใด  เราต้องสำนึกถึงบุพพการีชนเหล่านั้นอันมี  ปู่ ย่า ตา ยายของเราท่านกระทำไว้เพื่อเรา  แล้วเราจะกล้าย่ำยีได้ลงคิเชียวหรือ  มาเถิดมาร่วมใจกันพัฒนาบ้านเราให้มันเจริญรุ่งเรือง  และให้ดีกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันเพื่อวันข้างหน้า  เพื่อลูกหลานของเรา ...*วันเวลาไม่เคยคอยใคร  ท่านทำดีฝากไว้หรือยัง*...

**ที่มาข้อมูล**..หนังสือที่ระลึก ในงานผูกพัทธสีมาฝังลูกนิมิต วัดศรีดอนกลาง ...
**ขออนุโมทนา**..พระมหาประดิษฐ์ สังฆพงษ์ - นายสุพิมล  ศรศักดา และผู้มีจิตศรัทธาสมทบจัดพิมพ์หนังสือแจก


***คนดี คนเลว  มีเวลาเท่ากัน...ให้โอกาสเขาบ้าง***
***นักปราชญ์  มองคนในแง่ดี... คนอัปรีย์ มองคนในแง่ร้าย***


ประวัติบ้านป่าชาด
ภาพถ่าย*ทุ่งนาด้านทิศตะวันออกวัด ถ่ายเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๑